วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Gerund คือ คำกริยา + ing หรือ v-ing
Gerund มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ present participle แต่ทำหน้าที่ต่างกัน นั่นคือ present participle ทำหน้าที่เป็น ‘predicative adjunct’ และ ‘คุณศัพท์’ ส่วน
gerund ทำหน้าที่เป็น ‘คำนาม’
เมื่อ gerund เป็น ‘คำนาม’ gerund จึงทำหน้าที่ได้ดังต่อไปนี้
1. ใช้เป็นประธานของประโยค
2. ใช้เป็นกรรมของบุพบท
3. ใช้เป็นกรรมของคำกริยา vt
4. ใช้ตามหลัง verb to be เพื่อแสดงตัวตนของประธาน (subjective comple-ment)
1. การใช้ gerund เป็นประธานของประโยค
การใช้ gerund เป็นประธานของประโยคนี้ เราสามารถสร้างเองได้ โดยการนำคำ
กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารองรับหรือที่ต้องมีกรรมมารองรับคำใดก็ได้มาทำเป็น gerund
โดยการเติม –ing เข้าไปที่คำกริยาคำนั้น แล้วก็นำมาเป็นประธานของประโยคได้ทันที
ดังต่อไปนี้
–Eating healthily is good for you.
–Playing football is his favorite sport.
–Watching movie is her leisure.
–Reading English novel is very easy.
–Being punished is hard for him to accept.   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ gerund
Infinitive คือคำกริยารูปปกติ (กริยาช่อง 1) ซึ่งในภาษาอังกฤษนี้เราสามารถแบ่ง infinitive ออกได้เป็นสองประเภทดังนี้
1. Infinitive with to – กริยาช่อง 1ที่นำหน้าด้วย to
2. Infinitive without to – กริยาช่อง 1ที่ไม่มี to นำหน้า
เราลองมาทำความเข้าใจว่า Infinitive แต่ละชนิดนั้นมีหลักการใช้อย่างไรนะครับ
Infinitive with to (กริยาช่อง 1 ที่นำหน้าด้วย to) มีหน้าที่ และวิธีใช้ดังนี้
1. เป็นคำนามทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
To watch English movies is a good way to learn English.
(การดูหนังภาษาอังกฤษเป็นวิธีการที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษ)
2. เป็นกรรมของประโยค
Tony loves to play football with his friends.
(โทนี่ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนของเขา)
3. ทำหน้าที่เป็นคำขยาย ขยายคำนาน (Noun) หรือ คำคุณศัพท์ (Pronoun)
Mike has a lot of stuff to do today.
(ไมค์มีงานจำนวนมากที่จะทำวันนี้)
4. ทำหน้าที่เป็นคำขยายกริยา (adverb).
James comes to see his mom in Bangkok.
(เจมส์มาหาคุณแม่ของเขาที่กรุงเทพ)   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ infinitive
Present Perfect Tense
หลักการใช้
กริยาสามช่องหน้าตาเป็นอย่างไร
การย่อรูป have, has ทำอย่างไร
1. ใช้กับเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ และจะต่อเนื่องไปในอนาคต และจะมีสองคำนี้ประกอบอยู่ด้วย คือ
for   ฟอ เป็นเวลา (กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน กีสัปดาห์ กี่ปี)
since ซินซ ตั้งแต่ (ตั้งแต่ชั่วโมงไหน วันไหน สัปดาห์ไหน เดือนไหน ปีไหน)
She has studied English since July.
หล่อนเรียน(แล้ว)ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม (เรียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตอนนี้เดือนกันยายนแล้ว และมีแนวโน้มจะเรียนต่อไปอีก)
He’s worked in the garden since 8 o’clock.
เขาทำงาน(แล้ว)ในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ตอนนี้สิบโมงแล้ว มีทีท่าว่าจะทำต่อไป)
It has rained for three hours.
ฝนตก (แล้ว) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง (และมีแววว่าจะตกต่อไปอีก)
A boy has played football since 3 o’clock.
เด็กชายเล่นฟุตบอล(แล้ว)ตั้งแต่ 3 โมง (ตอนนี้สี่โมงแล้ว น่าจะเล่นต่อถึงห้าโมงมั้ง)
I have lived here for ten years.
ฉันอาศัยอยู่ (แล้ว) ที่นี่ เป็นเวลา 10 ปี (จุดเริ่มต้นเกิดในอดีต ปัจจุบันก็ยังอยู่ที่นี่ อนาคตก็จะอยู่ต่อ)
You’ve watched TV for two hours.
คุณดู(แล้ว)ทีวีเป็นเวลาสองชั่วโมง (ดูมาแล้วสองชั่วโมงและน่าจะดูต่อ ถ้าแม่ไม่ห้าม)   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ present perfect
Past Perfect Tense
หลักการใช้
ใช้บอกเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดไปแล้ว ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกทีหลัง
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (คล้าย past continuous) และต้องใช้ตามนี้ คือ
เหตุการณ์ที่เกิดก่อน (ใช้ Past Perfect Tense)
เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)
**** ให้นักเรียนท่องว่า พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
(เป็นครั้งที่ 2 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ
The train………………..when we………………. to the station.
a. has left, get   b. had left, had got
c. left, had got  d. had left, got
ใจความของประโยคข้างบนคือว่า ” รถไฟออกไป ตอนที่เราไปถึงสถานี “
ทีนี้ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า ระหว่าง รถไฟออกไป กับ เราไปถึงสถานี เหตุการณ์ไหนเกิดก่อน  คำตอบต้องเป็นรถไฟออกไปก่อนใช่ไหมเอ่ย แล้วเราก็มาใส่สูตรเข้าไป พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
a. has left (ผิด present perfect), get  (ผิด present simple)
b. had left (ถูกต้อง เกิดก่อน past per) , had got (ผิด อันนี้ past per)
c. left (ผิด past simple), had got (ถูกต้อง past per)
d. had left (ถูกต้อง เกิดก่อน past per), got (ถูกต้อง past per)
เฉลยข้อ d. " รถไฟออกไปก่อนแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี "   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ past  perfect

Future Continuous Tense
หลักการใช้
ใช้กล่าวถึงเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต หมายความว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต ฉันกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่นะ ซึ่งนานๆ นานมากกว่าจะได้พูดทีหนึ่ง ในที่นีขอยกตัวอย่างมาให้ดู  2 แบบนะครับ คือ มีเหตุการณ์เดียว และมีสองเหตุการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน
แบบมีเหตุการณ์เดียว  ส่วนมากจะระบุเวลาในอนาคตด้วย เช่น
I will be reading books at 8 o’clock tomorrow.
ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
หมายความว่า พรุ่งนี้เวลา 8 นาฬิกา ฉันกำลังอ่านหนัสืออยู่นะ ไม่เชื่อรอดูก็จะเห็น
At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.
พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
หมายความว่า พรุ่งนี้ตอนเช้า ถ้าคุณมาฟาร์มของเรา คุณก็จะเห็นพวกเรากำลังทำงานอยู่
แบบมีสองเหตุการณ์ ดู Time Line  (เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นใช้ Future Continuous อีกเหตุการณ์หนึ่งใช้ Present Simple)
She will be waiting when you arrive.
หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง
หมายความว่า เมื่อคุณมาถึง คุณก็จะเห็นหล่อนกำลังรอคอยอยู่
I will be sleeping when my mom gets home.
ฉันจะกำลังนอนหลับอยู่ ตอนที่แม่มาถึง
หมายความว่า คืนนี้เมื่อแม่มาถึง ฉันก็กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง   อ่านเพิ่มเติม


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ future continuous tense
Present Continuous Tense
หลักการใช้
การย่อรูปกริยา คลิกศึกษาเรื่อง is am are
1. ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูดอยู่ หรือในระหว่างอาทิตย์นั้น เดือนนั้นก็ได้ ซึ่งอาจจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วยก็ได้
now / right now  ตอนนี้
at the moment  ตอนนี้
หลักการแปล ให้แปลรวบ is am are กับกริยาที่เติม ing ว่า ” กำลัง….”
I am studying  hard, John. จอห์น ฉันกำลังเรียนหนักนะ (ไม่ใช่ขณะนี้ แต่เป็นพักนี้)
Most students are using mobile phones. นักเรียนส่วนใหญ่กำลัง(นิยม)ใช้โทรศัพท์มือถือ (ไม่ใช่ขณะนี้ แต่เป็นปัจจุบันนี้)
He is driving a car. เขากำลังขับรถ
She‘s eating an apple. หล่อนกำลังกินแอปเปิ้ล
It is raining at the moment. มันกำลังฝนตกขณะนี้ (ฝนกำลังตก)
A cat is sleeping in the room. แมวกำลังนอนหลับในห้อง
You are sitting on my book. คุณกำลังนั่งบนหนังสือของฉัน
We are running right now. พวกเรากำลังวิ่งขณะนี้   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ present continuous

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

past continuous tense
หลักการใช้
1. ใช้เล่าเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น
เมื่อวานนี้ฉันไปเที่ยวสวนสาธารณะแล้วก็เห็นอะไรหลายๆอย่างดังนี้
เมื่อวานครอบครัวของฉันไปสวนสาธารณะมา ฉันกำลังกินอาหารว่าง แม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ คุณพ่อกับน้องชายกำลังเล่นฟุตบอล ส่วนน้องสาวกับเพื่อนๆของเธอกำลังเล่นวอลเลย์บอล  หมาของฉันกำลังนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มันเป็นวันที่สดใสจริงๆ
My family went to the park yesterday. I was eating some snacks. My mom was reading a newspaper. My dad and my brother were playing football. My sister and her friends were playing volleyball. My dog was sleeping under the tree. It was a really beautiful day.
หรือถ้าจะบอกว่าคนนั้นกำลังทำอันนี้ คนนี้กำลังทำอันโน้น คนโน้นกำลังทำอันนู้น ก็ได้ เช่น
I was eating while it was raining.
ฉันกำลังกินข้าว ขณะที่ฝนกำลังตก
As they were reading, I was sleeping.
ขณะที่พวกเขากำลังอ่านหนังสือ ฉันกำลังนอนหลับอยู่
We were listening to the radio as he was watching TV?
พวกเรากำลังฟังวิทยุ ขณะที่เขากำลังดูทีวี   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ past continuous tense
Future Simple Tense
หลักการใช้ Future Simple Tenseใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต หรือถ้าพูดง่ายๆคือ จะทำอย่างโน้น อย่างนี้ ในวันข้างหน้า ซึ่งโดยปกติจะมีคำบ่งบอกอนาคตเหล่านี้อยู่ด้วย
tonight ทุไนท คืนนี้
tomorrow ทุมอโร  พรุ่งนี้
next (เน็กซ์ = ถัดไป) +เวลา,  วัน, สัปดาห์, เดือน, ปี, ฤดูกาล หรือ อื่นๆ….
– next hour เน็กซ์เอาเวอะ ชั่วโมงถัดไป
– next Monday, next Tuesday, next Wednesday…..
– next week  เน็กซ์วีค สัปดาห์ถัดไป
– next month เน็กซ์มันธ เดือนถัดไป
– next spring,  next summer, next fall, next winter / next hot season, next rainy season, next hot season
– next year เน็กซ์เยีย ปีถัดไป
เนื่องจากว่าเป็นการคิดหรือคาดการณ์ จึงมีคำเหล่านี้อยู่ด้วย
probably อาจจะ
think คิดว่า
sure มั่นใจ   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ future simple tense
Present Simple Tense
การใช้ Present Simple Tense มีวิธีใช้ดังนี้ คือ
1. เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น
The earth moves round the sun.
Tigers are dangerous animals.
John is the youngest son.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัย ในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย คือ always, sometimes, generally, often, every day, every week, every month, etc. เช่น
My son sometimes plays tennis with his father.
He always gets up at eight o’clock.
The bus comes every ten minutes.
ในประโยคปฏิเสธ (Negative Form)มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ
1. ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น (can, may, must, will, shall) สามารถเติม not หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันที  อ่านเพิ่มเติม
Past Simple Tense (Tense อดีตธรรมดา)
Past  พาสท= อดีต
Simple  ซิ๊มเพิล = ธรรมดา
 หลักการใช้
Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน (เว้น was ใช้กับประธานเอกพจน์, were ใช้กับประธานพหูพจน์) ให้จำหลักสำคัญของ Tense นี้ไว้ว่า เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน
1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่จะระบุเวลากำกับ หรือรู้กันดีว่ามันเกิดในอดีตนะ
เล่าเหตุการณ์ที่มีเวลากำกับ คำกำกับเวลาที่พบบ่อย ได้แก่
– yesterday  เย็สเตอเด  เมื่อวาน
– last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/  ปี เช่น
last hour ลาสท เอาเวอะ ชั่วโมงที่แล้ว
last night ลาสทไนท คืนที่แล้ว   อ่านเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ past simple